top of page

ขาหนีบดำ ปัญหาในที่ลับ ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ

ไปดูวิธีรักษาแก้ปัญหาขาหนีบดำ

ขาหนีบดำ ปัญหาในที่ลับ ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ใครที่ชอบใส่ชุดว่ายน้ำ หรือกางเกงเผยสัดส่วนโชว์เรียวขาคงเฟลน่าดู หากเจอปัญหานี้

จะกางขา ยกขา โพสต์ท่าถ่ายรูปเกิดความคงกังวลใจจนขาดความมั่นใจ วันนี้เราจะพาไปดูวิธีรักษาแก้ปัญหาขาหนีบดำ

เพื่อให้คุณสามารถโพสต์ท่าถ่ายรูป เดินอย่างสะหง่า ได้อย่างมั่นใจ ใส่กางเกงขาเว้าสูงขนาดไหนก็ได้แบบไม่ต้องอายใคร





สาเหตุที่ทำให้ขาหนีบดำ

ขาหนีบดำ คือ ปัญหาหารอยดำที่เกิดขึ้นบริเวณต้นขาด้านในไปจนถึงขอบบิกินี่

สาเหตุที่ทำให้ขาหนีบดำ

การเสียดสีระหว่างต้นขาด้านใน 2 ข้าง เกิดขึ้นกับคนที่มีต้นขาใหญ่ เช่น คนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ ทำให้ต้นขาชิดแน่นมากขึ้นกว่าปกติ เวลาเดิน วิ่ง หรือเคลื่อนไหวขาจึงเกิดการเสียดสีกัน


การเสียดสีระหว่างต้นขาด้านในกับกางเกง เกิดกับผู้ที่ชอบใส่กางเกงที่รัดแน่นมากเกินไป มีเนื้อผ้าหรือขอบหนา เช่น กางเกงยีนส์ กางเกงชั้นในแบบขอบหนา


ติดเชื้อ Dermatophyte กลุ่มของเชื้อรา เป็นกลุ่มเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคกลาก โดยจะก่อโรคบริเวณผิวหนังชั้น keratin ได้แก่ ผิวหนังชั้นนอกสุด (ขี้ไคล) เส้นผมและเล็บ ทำให้เกิดเป็นผื่นแดงอักเสบ เป็นขุย มีอาการคันที่บริเวณผิวหนัง บริเวณนั้นมีความอับชื้นสูง ทำให้เชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดี


ระดับฮอร์โมนอินซูลินสูง เนื่องจากระดับฮอร์โมนอินซูลินที่สูงขึ้นในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ทำให้ไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังให้มีการเจริญเติบโตและผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น โดยมักเกิดที่บริเวณข้อพับ เช่น คอ รักแร้ และขาหนีบ นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในยาหรืออาหารเสริมที่ส่งผลให้ระดับฮอร์โมนอินซูลินสูงขึ้นได้ เช่น ยาคุมกำเนิด โกรทฮอร์โมน อาหารเสริมสำหรับนักเพาะกาย เป็นต้น


การตั้งครรภ์ ส่งผลให้ฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้มีการผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะบริเวณที่มีการเสียดสีมาก เช่น ต้นคอ ข้อพับ หัวนม รักแร้ และขาหนีบ


การกำจัดขนบ่อย ๆ การกำจัดขนบริเวณที่ลับบ่อยเกินไป ส่งผลให้เกิดการอักเสบของรูขุมขน ขนคุด และอาจทิ้งรอยไว้ได้


- การแพ้ผลิตภัณฑ์ดูแลจุดซ่อนเร้น บริเวณขาหนีบเป็นบริเวณที่บอบบาง หากใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลจุดซ่อนเร้นที่มีฤทธิ์แรงเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคืองแพ้ได้ ซึ่งทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดเป็นผื่นแดงขึ้น มีอาการคัน และทิ้งรอยดำตามมาได้





วิธีป้องกันขาหนีบดำ

วิธีป้องกันขาหนีบดำ

- เลือกใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสม เลือกใส่กางเกงไม่รัดแน่นจนเกินไป เนื้อผ้าไม่หนาหรือระคายเคืองผิว ป้องกันการเสียดสีระหว่างเนื้อผ้าและต้นขา เปลี่ยนกางเกงชั้นในเป็นแบบที่มีขา


- ดูแลเสื้อผ้าไม่ให้อับชื้น สวมใส่กางเกงที่ระบายอากาศได้ดี ไม่ใส่ซ้ำกางเกงซ้ำบ่อย ๆ รีบเปลี่ยนทันทีหากเปียกน้ำหรือเหงื่อ หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงในตอนนอนหากไม่จำเป็น


- ควบคุมอาหาร ลดน้ำหนัก เนื่องจากปัญหาขาหนีบดำส่วนใหญ่มักเกิดในผู้ที่มีน้ำหนักเยอะ ต้นขาใหญ่ ผู้ที่มีระดับฮอร์โมนอินซูลินสูง จึงควรออกกำลังกายโดยเน้นลดบริเวณต้นขา ควบคุมอาหาร ลดอาหารประเภทแป้ง ไขมัน


- ทาครีมเพิ่มความชุ่มชื้น ทาครีมเพิ่มเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังบริเวณขาหนีบ เพื่อลดการเสียดสีระหว่างขา 2 ข้าง เป็นการบำรุงผิวหนังบริเวณนั้นให้อ่อนนุ่มลง ทำให้รอยดำจางลงได้ เช่น น้ำมันมะพร้าว ปิโตรเลียมเจล ครีมทาผิวชนิดอ่อนโยน เป็นต้น


- สครับผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง บริเวณขาหนีบที่หยาบกร้าน เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวที่หนาตัวหยาบกร้านเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น สครับผิวที่ใช้ควรอ่อนโยนต่อผิว เช่น มะขามเปียก ผงขมิ้น มะนาว โยเกิร์ต เป็นต้น





Pico 4Dx คือ เทคโนโลยีเลเซอร์ทำลายเม็ดสี

Pico 4Dx คือ เทคโนโลยีเลเซอร์ทำลายเม็ดสีที่ส่งพลังงานออกมาในระดับ Picosecond โดยมีความเร็วในการปล่อยพลังงานอยู่ที่ 1 ต่อล้านล้านวินาที ทำให้ม็ดสีแตกได้ละเอียดกว่าเลเซอร์ Q-Switched 1,000 เท่า


Pico 4Dx มีทั้งหมด 3 ช่วงความยาวคลื่น คือ 1064 nm 755 nm และ 532 nm ทำให้สามารถรักษาปัญหาได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสัก รอยแผลเป็น และรอยดำได้ทั่วทั้งร่างกาย





Pico laser ช่วยรักษาขาหนีบดำได้อย่างไร?

Pico laser ช่วยรักษาขาหนีบดำได้อย่างไร

Pico จะส่งพลังงานผ่านชั้นผิวไปยังเม็ดสีที่รวมตัวมากกว่าปกติบริเวณขาหนีบ เมื่อไปกระทบผิวจะทำให้เม็ดสีบริเวณนั้นเกิดการแตกระจายจนมีขนาดเล็กลงมาก จากนั้นเม็ดสีที่แตกตัวจะถูกทำลายและขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติ


Pico laser ปลอดภัยไหม ?

พลังงานเลเซอร์มีช่วงที่พลังงานสัมผัสผิวน้อยกว่า 10 ns ทำให้บริเวณผิวไม่เกิดการสะสมความร้อน จึงช่วยลดความความรู้สึกเจ็บขณะทำเลเซอร์ลงได้ ทำให้สามารถใช้รักษาในบริเวณที่บอบบางอย่างขาหนีบได้อย่างปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย และรู้สึกไม่เจ็บมาก


ระยะเวลาในการรักษา

จำนวนครั้งที่ใช้รักษาขึ้นอยู่กับระดับความคล้ำของขาหนีบ โดยปกติอยู่ที่ 4-6 ครั้ง ทำห่างกัน 2 สัปดาห์/ครั้ง





การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์

การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์

- กำจัดขนส่วนที่เกินออกมาถึงขาหนีบหรือเลยขอบบิกินี่ เพราะความร้อนจากเลเซอร์อาจทำให้ขนเปลี่ยนเป็นสีขาว พลังงานลงไม่ถึงเม็ดสีและสะสมอยู่แค่เส้นขน

- งดทาครีมในวันที่มาทำเลเซอร์บริเวณขาหนีบ

- งดดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจส่งผลให้สภาพผิวไม่ปกติ เช่น ทำให้เกิดรอยจ้ำเลือด

- งดทานยาหรือวิตามินต่าง ๆ ที่เร่งการละลายลิ่มเลือดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น Aspirin, Vitamin E, Primrose เป็นต้น





การดูแลหลังทำเลเซอร์

การดูแลหลังทำเลเซอร์

- งดโดนน้ำ 6 ชั่วโมง เนื่องจากน้ำจะกระตุ้นทำให้ผิวหนังบริเวณที่ยิงเกิดการอักเสบได้

- งดออกกำลังกาย 1 วัน หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดความอับชื้นบริเวณกางเกง เพราะเหงื่อจะทำให้เกิดอักเสบ ระคายเคืองบริเวณผิวที่เพิ่งทำเลเซอร์ได้ง่ายขึ้น

- งดสครับขาหนีบ 1 สัปดาห์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA วิตามิน A เพราะอาจทำให้ผิวบางและระคายเคืองง่ายขึ้น

- ทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณนั้น

- หากแผลเกิดตกสะเก็ดกรณีที่ใช้พลังงานสูง ห้ามแกะหรือเกา ปล่อยให้สะเก็ดหลุดเองตามธรรมชาติ

- หากเกิดอาการผิดปกติ เช่น อาการแดงร้อนไม่หายภายใน 3 วัน มีตุ่มหนอง ผื่นบวมแดง คันมาก ให้มาพบแพทย์ทันที





ผู้ที่ห้ามทำเลเซอร์บริเวณขาหนีบ

ผู้ที่ห้ามทำเลเซอร์บริเวณขาหนีบ

- ผิวหนังแพ้ความร้อน

- มีประวัติเป็นโรคลมชัก มีอาการชักเมื่อถูกกระตุ้นด้วยเลเซอร์

- มีแผล หรือผิวหนังติดเชื้อในบริเวณที่ทำการรักษา

- เป็นโรคเบาหวาน เนื้องอก โรคแพ้ภูมิตัวเอง

ดู 3 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page