“พุง” ปัญหาโลกแตกที่หลายคนต่างกังวล
พุงสร้างความไม่มั่นใจและน่ารำคาญให้กับเราได้เสมอ

“พุง” ปัญหาโลกแตกที่หลายคนน่าจะเคยพบเจอมากับตัว ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ หรือวัยไหน ๆ เจ้าพุงก็สร้างความไม่มั่นใจและน่ารำคาญให้กับเราได้เสมอ ทั้งอึดอัด ใส่เสื้อผ้าชุดไหนก็ดูไม่สวย จะโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งก็ไม่ได้ บางครั้งก็โดนล้อหาว่ากินเยอะเกินจนพุงยื่น แถมออกกำลังกายเท่าไหร่เจ้าพุงก็ไม่หายไปสักที แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเจ้าพุงห้อย ๆ ย้อย ๆ นั้นบางทีก็ไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมการกินเสมอไป และการออกกำลังถ้าทำไม่ถูกวิธีก็ไม่สามารถแก้ปัญหาพุงได้อย่างตรงจุด ดังนั้นก่อนที่จะลดพุง เราต้องรู้จักก่อนว่าพุงเราเป็นแบบไหน จะได้หาวิธีแก้ไขที่เหมาะสมและไม่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
วันนี้ มาทำความรู้จักกับ "พุง" 5 ประเภทกัน

วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับลักษณะพุงแต่ละประเภทว่ามีแบบไหนบ้าง และสาเหตุนั้นเกิดจากอะไร มีวิธีการดูแล ป้องกัน หรือกำจัดอย่างไรเพื่อให้เจ้าพุงนั้นหายไป เพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัว และป้องกันปัญหาสุขภาพระยะยาวที่เกิดจากไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องอีกด้วย
ลักษณะพุงหลัก ๆ แบ่งเป็น 5 ประเภท ดังนี้
1. พุงหมาน้อย (Little pooch tummy)
2. พุงเครียด (Stress tummy)
3. พุงป่อง (Bloated tummy)
4. พุงเป็นชั้น (Spare tyre tummy)
5. พุงคนท้อง (Mummy tummy)
1. พุงหมาน้อย (Little pooch tummy)

1. พุงหมาน้อย (Little pooch tummy)
ลักษณะ : พุงช่วงบนปกติ พุงช่วงล่างห้อย
สาเหตุ : เกิดจากการกินที่มีไขมันสูงเป็นประจำจนไขมันสะสม รวมถึงแป้งขัดสี เช่น ข้าว ขนมปัง และอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป ใช้ชีวิตแบบนั่ง ๆ นอน ๆ หรือไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย หรืออาจเกิดจากการออกกำลังกายผิดวิธี เช่น ออกกำลังกายท่าซิทอัพซ้ำ ๆ ท่าเดิมเป็นประจำ ส่งผลให้กล้ามเนื้อหน้าท้องดันไขมันออกมาจนพุงยื่น
วิธีลดพุง :
- กินอาหารที่มีกากใยหรือไฟเบอร์สูง ผักใบเขียว หรือธัญพืชต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น เช่น ส้ม แอปเปิ้ล กล้วย ถั่ว งา เป็นต้น ลดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต
- เปลี่ยนท่าออกกำลังกายเป็นท่าที่เน้นกล้ามเนื้อหน้าท้องได้เหมือนกับซิทอัพ เช่น ท่าแพลงกิ้ง วิดพื้น และออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนอื่นบ้าง เช่น ช่วงแขน บ่า ไหล่ ขา
- ขยับร่างกายมากขึ้น ไม่นั่ง ๆ นอน ๆ มากเกินไป
2. พุงเครียด (Stress tummy)

2. พุงเครียด (Stress tummy)
ลักษณะ : หน้าท้องบวมอืด มีลักษณะแข็ง ๆ หน้าท้องยื่นออกมาระหว่างช่วงสะดือถึงกระบังลม
สาเหตุ : เกิดจากความเครียด โดยเมื่อเราเครียดร่างกายจะผลิตคอร์ติซอล (cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายผลิตไขมันออกมาที่บริเวณหน้าท้องเยอะเป็นพิเศษ จนทำให้หน้าท้องบวมอืดยื่นออกมาระหว่างช่วงสะดือกับกระบังลม และเมื่อเราเครียดก็มักจะส่งผลต่อพฤติกรรมการกินอาหารไม่ตรงเวลา กินอาหารขยะมากเกินไป รวมถึงการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากไปอีกด้วย จึงทำให้เกิดลักษณะพุงแบบนี้ พุงเครียดจึงเหมือนเป็นสัญญาณเตือนของการเกิดโรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome) หรือโรคลำไส้ที่ทำให้เกิดอาการปวดท้อง แน่นท้อง ไม่สบายท้อง มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย ท้องผูก ท้องเสียนั่นเอง
วิธีลดพุง :
- กินอาหารให้ตรงเวลา กินให้ครบทุกมื้อแต่ในปริมาณที่พอเหมาะ
- ไม่นอนดึก พักผ่อนให้เพียงพอ ป้องกันระบบเผาพลาญพลังงานทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการสะสมของน้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น
- ลดเครื่องดื่มประเภทคาเฟอีน โดยไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเกินวันละ 2 แก้ว
- เปลี่ยนจากการออกกำลังกายแบบ Cardio มาเป็นการเล่นโยคะ เดินไกล หรือกีฬาที่เสริมสร้างความแข็งแรงแทน
- หากิจกรรมที่ช่วยคลายเครียดจากชีวิตประจำวันได้ เช่น การปั่นจักรยาน การนวด หรือไปทำสปาต่าง ๆ
3. พุงป่อง (Bloated Belly)

3. พุงป่อง (Bloated Belly)
ลักษณะ : หน้าท้องมีลักษณะแบนราบในตอนเช้า และป่องหรือบวมในตอนกลางวัน ตอนเย็น
สาเหตุ: เกิดจากการมีแก๊สในกระเพราะอาหารมากเกินไป จากอาหารไม่ย่อย ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปติ แพ้อาหารบางชนิดโดยที่ไม่รู้ตัว กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์มากจนเกินไป เช่น พิซซ่า ขนมปัง เค้ก นม เนย ชีส จนทำให้เกิดแก๊สในกระเพราะอาหารจนท้องอืด
วิธีลดพุง :
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำจากแป้งขัดสี ลดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต หรืออาหารที่มีส่วนผสมของแป้ง นม เนย ชีส เนื่องจากสารอาหารเหล่านี้ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ยากขึ้น
- กินอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ผัก ผลไม้ ปลา อาหารที่มีกากใย ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
- กินอาหารให้ตรงเวลา และงดกินอาหารในเวลากลางคืน เคี้ยวอาหารให้ละเอียด
- เดินย่อยหลังกินอาหาร 5 – 10 นาที เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
4. พุงเป็นชั้น (Spare tyre tummy)

4. พุงเป็นชั้น (Spare tyre tummy)
ลักษณะ : ลักษณะพุงเป็นชั้น ๆ โดยที่จะมีชั้นของไขมันที่มาก และน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
เกิดจาก : เกิดจากการรับประทานของหวานที่มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นขนม เค้ก เครื่องดื่มชง ๆ หรือคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล และไขมันต่าง ๆ มักเกิดกับพนักงานออฟฟิศ เพราะมีพฤติกรรมการทำงานแบบนั่งโต๊ะ กินขนมที่โต๊ะ ไม่ค่อยออกกำลังกาย จึงทำให้ไขมันไปเกาะตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายโดยเฉพาะหน้าท้อง
วิธีกำจัดพุงเป็นชั้นให้พ้นรัศมีสายตา
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง เช่น แป้งต่าง ๆ ขนมขบเคี้ยว และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน และไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา ผักและผลไม้ต่าง ๆ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที หรือออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เล่นโยคะ เดินไกล
5. พุงคนท้อง (Mommy Belly)

5. พุงคนท้อง (Mommy Belly)
ลักษณะ : ลักษณะพุงเป็นชั้น ๆ หย่อน ๆ
สาเหตุ : เกิดจากมดลูกหย่อนยังไม่เข้าอู่ หลังจากคลอดลูกได้ไม่นาน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วต้องใช้เวลาอย่างต่ำประมาณ 6 สัปดาห์ กว่ามดลูกจะลดขนาดลงและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงไม่ควรออกกำลังกายหลังคลอดทันที
วิธีลดพุง :
- เมื่อร่างกายกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ค่อย ๆ ออกกำลังกายเบา ๆ ที่เน้นสร้างความแข็งแรงกล้ามเนื้อท้องช่วงล่าง
- รับประทานอาหารเสริมประเภทน้ำมันตับปลา และรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันดี เช่น ไขมันจากถั่ว น้ำมันมะกอก เป็นต้น
4 วิธีใช้ตัวช่วยสลายพุง ที่โมเดลล่า คลินิก

วิธีการลดพุงนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานอาหาร หรือออกกำลังกายอย่างถูกวิธี อย่างไรก็ตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้นถ้าปฏิบัติอย่างต่อเนื่องย่อมเห็นผลดีในระยะยาว แต่อาจจะเห็นผลช้า ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขึ้นมา เพื่อช่วยลดพุงให้เห็นผลได้ไวยิ่งขึ้น วิธีที่นิยมในปัจจุบัน เช่น
สลายไขมันด้วยความเย็น (Cryolipolysis)
การสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันส่วนเกิน ที่เน้นการรักษาทำลายเซลล์ไขมันโดยตรง ด้วยการนำคลื่นความเย็นมาช่วยกำจัดไขมันออกจากร่างกาย โดยส่งผ่านความเย็นระดับจุดเยือกแข็งลงไปใต้ชั้นผิวหนังเข้าสู่ชั้นไขมัน โดยไม่ทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ ทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัวและสลายตัวเองแบบธรรมชาติ ก่อนที่จะถูกขจัดออกจากร่างกายทางระบบน้ำเหลืองแบบถาวร
การนวดสลายไขมันด้วย RF หรือ Radio Frequency
เป็นเทคโนโลยีในการรักษาโดยวิธีการปล่อยคลื่นไฟฟ้าอ่อนในรูปของคลื่นวิทยุ ในช่วงความถี่ 0.3 - 0.5 MHz (เมกะเฮริตซ์) ช่วยเร่งอัตราการเผาพลาญไขมัน ทำให้ระบบโลหิตบริเวณที่ได้รับการรักษาดีขึ้น หลอดเลือดขยายตัว ช่วยให้เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนได้ดี มีการขับของเสียในระบบน้ำเหลืองดีขึ้น
High-Intensity Focused Electromagnetic หรือ HIFEM
เป็นการลดไขมันและสร้างกล้ามเนื้อ คล้ายรูปแบบของการออกกำลังกาย จากพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่มีความเข้มสูงเข้าไป จึงทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งตัวในแบบที่การออกกำลังกายปกติทำไม่ได้ และเมื่อกล้ามเนื้อถูกบังคับ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายใน จึงทำให้เกิดการสร้างกล้ามเนื้อและเผาผลาญไขมันในเวลาเดียวกัน
ฉีดเมโสแฟต สลายไขมันเฉพาะจุด
การฉีดเมโสแฟตเพื่อลดพุง มีงานวิจัยรองรับการฉีดเมโสแฟตสามารถออกฤทธิ์ในการสลายเซลล์ไขมัน ฉีดเข้าตามจุดต่าง ๆ ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุดได้ ซึ่งการฉีดเมโสแฟตค่อนข้างถูกกว่าวิธีอื่น สำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัดอาจจะทดลองใช้วิธีนี้ก่อน
Cool Shaping การสลายไขมันด้วยความเย็น

Cool Shaping
เป็นการสลายไขมันด้วยเทคโนโลยี Cryolipolysis เป็นการใช้ความเย็นในอุณภูมิช่วง -2 ถึง -10 องศาเซลเซียส เข้าไปกระตุ้นเซลล์ไขมันให้ตั้งโปรแกรมการตาย โดยลดระยะเวลาการมีชีวิตอยู่ของเซลล์ไขมันให้สั้นลง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเซลล์ไขมันในร่างกายนั้นมีอายุยาวนานเป็นสิบปี ดังนั้นการทำ Cryolipolysis จะเป็นเร่งทำลายเซลล์ไขมันให้มีระยะเวลาสั้นลง จากเดิมที่ใช้เวลาเป็นสิบปี ให้เหลือเพียง 90 วันนั่นเอง และในระยะเวลานี้ เซลล์ไขมันบริเวณที่มีการทำ Cryolipolysis จะค่อยๆ ปรับตัว เสื่อมสภาพไปทีละเล็กละน้อย จนตายไปในที่สุดตามกระบวนการ Apoptosis
บริเวณที่สามารถทำได้ เช่น รอบเอว หน้าท้อง, ข้างลำตัว, แผ่นหลัง, สะโพก, ต้นแขน, ต้นขา, บริเวณขอบชุดชั้นใน ฯลฯ หรือผู้ที่ต้องการลดไขมันบริเวณที่ไม่สามารถลดได้ด้วยการออกกำลังกาย ข้อดี คือ ส่งผลกับเซลล์ไขมันโดยตรงโดยไม่กระทบกับเซลล์ข้างเคียง เเละเซลล์ไขมันที่เกิดจากการทำ Cryolipolysis จะตายไปอย่างถาวรเเละถูกกำจัดโดยธรรมชาติ ส่วนข้อเสียนั้นก็คือ ใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะเห็นผลลัพธ์โดยอยู่ที่ประมาณ 90 วัน จึงอาจไม่เหมาะสำหรับคนที่ใจร้อนหรืออยากผอมเเบบเร่งด่วนนั่นเอง
จากงานวิจัยที่เผยแพร่ในปี 20141 พบว่าการรักษาด้วยเทคนิค Cryolipolysis สามารถลดไขมันใต้ผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษาได้ถึง 25% หลังการรักษาเพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับงานวิจัยก่อนหน้าอีกหลายฉบับ ที่แสดงให้เห็นว่าวิธีนี้สามารถทำให้เซลล์ไขมันลดลงได้มากถึง 20-25% จากการรักษาในแต่ละครั้ง โดยสามารถทำซ้ำในตำแหน่งเดิมได้ หากยังมีไขมันสะสมบริเวณนั้น ๆ อยู่ จำนวนครั้งในการรักษาขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของแต่ละบุคคล
ที่มา : N Krueger, S V Mai, S Luebberding, and N S Sadick. Cryolipolysis for noninvasive body contouring: clinical efficacy and patient satisfaction. Clin Cosmet Investig Dermatol.2014; 7: 201–205.
Aurora X2 เทคโนโลยี RF และ Cavitation ช่วยยกกระชับปรับรูปร่างและตีไขมันให้แตก

โมเดลล่าคลินิก เราให้ความสำคัญกับผลลัพธ์การรักษาของลูกค้าเป็นอันดับแรก จึงคัดสรรเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อช่วยแก้ไขปัญหามีพุง มีหน้าท้องยื่น ทำให้คุณสามารถอวดหุ่นสวย ๆ ใส่เสื้อผ้าชุดไหนก็ดูดี และเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีที่เราคัดสรรมานั้นล้วนเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย แก้ปัญหาตรงจุด เห็นผลลัพธ์ชัดเจน ได้มาตรฐาน และปลอดภัย
Aurora X2
เป็นเทคโนโลยี RF และ Cavitation ที่ช่วยเรื่องการยกกระชับปรับรูปร่างและตีไขมันให้แตกตัวแยกออกจากกัน ช่วยให้ง่ายต่อการกำจัดของร่างกายและช่วยให้ไขมันที่แน่นแตกตัวออกจากกันด้วย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันอื่นที่ช่วยเสริมในเรื่องการกระชับรูปร่าง ลดไขมัน ขจัดเชื้อสิว กระตุ้นคอลลาเจนเเละอีลาสติน โดยตัวเครื่อง Aurora X2 จะรวมเทคโนโลยีไว้ 5 เทคโนโลยีด้วยกัน ได้เเก่
1. Cavitation เป็นพลังงาน Ultrasound ที่ช่วยในส่วนของการตีไขมันให้แยกออกจากกันโดยปกติจะใช้ก่อนการกระชับรูปร่าง เเละเนื่องด้วยพลังงานลงไปยังชั้นไขมันใต้ผิวจึงก่อให้เกิดพลังงานสะสมในชั้นไขมันจนเมื่อถึงจุดหนึ่งพลังงานนี้จะแตกออก ส่งผลต่อไขมันบริเวณรอบข้างด้วย
2. Low level laser จะช่วยในการเจาะเยื่อหุ้มเซลล์ไขมัน ทำให้น้ำมันภายในเซลล์ไขมันหลุดออกมาจึงทำให้กำจัดง่ายขึ้น และบริเวณที่หนาแน่นด้วยไขมันจะนิ่มทำให้ง่ายต่อการยกกระชับ
3. RF (Radiofrequency) ช่วงความยาวคลื่นวิทยุที่เหมาะต่อการสร้างความร้อนใต้ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการหดตัวของผิวหนัง ทำให้ช่วยในเรื่องยกกระชับรูปร่างได้
4. LED เป็นแสงจาก LED ที่ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนเเละอิลาสติน ระบบไหลเวียนเลือดเเละช่วยเรื่องเชื้อสิว
5. Vacuum ที่ช่วยในการดูดพื้นที่ที่ต้องการให้โดนความร้อนมากขึ้น การกระชับที่ได้ก็จะมากขึ้น และยังมีโหมดการดูดคลายเพื่อช่วยเรื่องความตึงของผิวหนัง
ข้อดีของเครื่อง Aurora X2 คือ มีหลายฟังก์ชันที่ทำงานร่วมกันทำให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งมีระบบฟิลเตอร์ที่ช่วยกรองเเละลดการอุดตันของเจล สามารถปรับระดับการดูดคลายเพื่อช่วยปรับสภาพผิวได้ อีกทั้งตัวเครื่องยังมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากเครื่อง Aurora X2 ปล่อยพลังในรูปแบบ Multipolar RF จึงไม่มีปัญหาเรื่องการสปาร์คระหว่างใช้งาน
การสลายไขมันด้วย Aurora X2 นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันเเละต้องการผอมลงอย่างเร่งด่วน เพราะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ เเละควรเข้ามาทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง 3- 5 ครั้ง (สัปดาห์ละ 1 ครั้ง) เพื่อประสิทธิภาพในการรักษา โดยบริเวณที่สามารถทำการรักษาได้ เช่น หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน หรือบริเวณที่มีไขมันส่วนเกินอื่น ๆ
ที่มา : Rousseaux I, Robson S. Body Contouring and Skin Tightening Using a Unique Novel Multisource Radiofrequency Energy Delivery Method. J Clin Aesthet Dermatol. 2017;10(4):24-29.
http://esglobal.co.kr/en/products-intro/body-care/aurora-x2/
Supra EMT ใช้เทคโนโลยี HIFEM (High Intensity Focused Electromagnetic Field) ที่มีลักษณะเป็นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อในบริเวณที่สัมผัส

Supra EMT ใช้เทคโนโลยี HIFEM (High Intensity Focused Electromagnetic Field)
ที่มีลักษณะเป็นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อในบริเวณที่สัมผัสกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเกิดการหดตัว โดยกลไกการทำงาน คือ สนามแม่เหล็กไฟฟ้าจะช่วยทำหน้าที่กระตุ้นให้เส้นประสาทสั่งการให้กล้ามเนื้อหดตัว การกระตุ้นจะส่งผลต่อกล้ามเนื้อในบริเวณที่ทำเท่านั้น ไม่กระทบกับอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย การหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการกระตุ้นจะมากกว่าการออกกำลังกายปกติ เรียกว่า Supramaximal contraction ทำให้กล้ามเนื้อมีความหนาแน่นของมวลกล้ามเนื้อเพิ่มยิ่งขึ้น เเละการขยับของกล้ามเนื้อหลายครั้งเป็นเวลาถึง 30 นาที ทำให้กล้ามเนื้อต้องการพลังงานเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ ส่งผลให้ร่างการต้องสลายไขมันที่สะสมอยู่ออกมาใช้ ไขมันจึงถูกสลายเพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานจำนวนมาก โดยบริเวณที่เหมาะจะใช้เครื่อง Supra EMT จะเป็นบริเวณ ท้อง ก้น สะโพก ต้นแขน ต้นขา และน่อง ทำติดต่อกัน 6-8 ครั้ง หรือประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยทำห่างกัน 2-3 วัน/ครั้ง
ที่มา : Alexiades M. High Intensity Focused Electromagnetic Field (HIFEM) Devices in Dermatology. J Drugs Dermatol. 2019 Nov 1;18(11):1088. PMID: 31738491.
Mesofat เมโสแฟต

Mesofat เมโสแฟต
เป็นการสลายก้อนไขมัน และเซลลูไลท์ ที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ให้กลายเป็นไขมันขนาดเล็กลง และถูกกำจัดด้วยกลไกการสลายในร่างกายได้ง่ายขึ้น โดยการที่แพทย์จะใช้เข็มฉีดยา ฉีดส่งยาซึ่งมีสรรพคุณสลายไขมันที่สะสมในชั้นไขมัน โดยใช้กลุ่มยาหลาย ๆ ตัว เช่น Aesculus Hippocastanum, Phosphatidylcholine,
Deoxycholate, L-carnitine, Vitamin B complex, Amino acids, Minerals ฯลฯ โดยวิธีนี้เป็นวิธีที่เรียกว่า เมโสเธอราพี (Mesotherapy) นั่นเอง
เมื่อไขมันสลายตัว จะเข้าสู่กระบวนการการนำไปใช้พลังงานในร่างกาย และขับออกเป็นเหงื่อ ปัสสาวะ และการหายใจคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกหายใจออกมาบริเวณที่นิยมฉีด Mesofat เช่น ไขมันส่วนเกินที่ต้นแขน ต้นขา สะโพก พุง และ หน้าท้อง อีกทั้งยังสามารถนำมาฉีดบริเวณใบหน้าได้อีกด้วย